วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

งาน GE Day มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร


     งานวัน GE DAY  มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร  ได้มีการจัดนิทรรศการ
 ใต้อาคาร20  ระหว่างวันที่ 8-10 กันยายน 2554  ซึ่งได้ให้นักศึกษามีการจัดซุ้มกิจกรรมของแต่ละรายวิชา  โดยภายในซุ้มของแต่ละวิชาก็จะมีกิจกรรมแตกต่างๆ  มีการโชว์ผลงานของนักศึกษาในแต่ละวิชา  มีทั้งการเล่นเกมส์  
ฝึกสมอง  พร้อมสาระและความบันเทิงมากมาย แก่ผู้เข้าร่วมชมงาน  อีกทั้งยังมีการขายอาหาร  ขนม  และของกินต่างๆมากมาย  และมีการแสดงโชว์ต่างๆจากนักศึกษาเพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้ร่วมงานอีกด้วย

     สำหรับเพื่อนๆที่พลาดไม่ได้ไปงาน  ผมก็มีภาพบรรกาศภายในงานมาให้ชมกันครับ




 



ซุ้มกิจกรรมต่างๆของแต่ล่ะสาขาครับ น่าสนใจทั้งนั้นเลย 


 



 ซุ้มของภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการสื่อสารครับ~







 







 

    
 

ซุ้มวิถีโลก



 



รณรงค์เกี่ยวกับการแต่งการของนักศึกษาที่แต่งตัวไม่สุภาพ น่าเห็นใจครับ 



 การ ที่ใส่กระโปรงสั้นขนาดนี้แหม่ มันเอาทำใจหนุ่มหลายคนนิแบบว่า สุดๆจริง และกางเกงที่หัวเข่าขาดนี้ยังไงครับพี่ใส่มาเรียนหรือว่าลื่นล้มตอนกำลังมา เรียนหรือเปล่าหว่า?น่าสงสัย


วิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพและการออกกำลังกาย


 

การคิดและการตัดสินใจ
ซุ้มนี้ทำเอาผมมึนๆอยู่เหมือนกัน ลองไปยืนอ่านกิจกรรมการคิดดู คิดไม่ออก

 


 
      


 

มะม่วงน้ำปลาหวานรสเลิสครับบ หวานมันอร่อยสุดย๊อดด




ขนมดอกจอกเสวย ชื่อเหมือนขนมให้หวัง เหอะๆ  อร่อยครับ ได้ลองชิมมาป้าแกใจดี  ให้ชิมแต่ไม่ได้อุดหนุนเลย เสียใจยัง 



ขนมตะโก้ของโปรดผมเลย หวานหอมอร่อย (กรอบเปรี้ยวเคี้ยวมัน) อันนี้ไม่เกี่ยวล่ะ






 สายไหมปั่นลุงทอง เป็นที่ดึงดูดใจสาวๆหลายคน
คงเป็นที่สีสันและความหวานหรือเปล่าที่ มีคนมามุงเยอะขนาดนี้ หรือเป็นเพราะน่าตาที่คลาสสิกของคุณลุงเขา แอบอิจฉาน่ะเนีย



  






ผลไม้อบแห้ง ชื่อก็บอกอยู่แล้วแห้งจริงๆ :) แต่รสชาติไม่ได้แห้งหายไปด้วยน่ะครับ


 




ทับทิมกรอบ ตราแม่ประนอมหรือเปล่า่ไม่รู้ 555 กรอบจริงๆครับ อร่อยอย่างที่โฆษณาจริงๆ หวานสดชื่นได้ใจเลย















ปิดป้ายของกินด้วยทีเด็ดสำหรับผมเลย ลูกชิ้นปลาทอด กรอบนอกนุ่มในด้วยหรือเปล่าไม่รู้คงต้องหาชิมดู








วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

วิตามีน นั้นดีอย่างไร

   วิตามินที่ร่างกายได้รับส่วนใหญ่มาจากอาหารที่เราทานเข้าไป และส่วนหนึ่งร่างกายสังเคราะห์ขึ้นเอง วิตามินที่ดีจึงต้องสกัดจากอาหาร ยังไงเราก็ไม่ได้กินวิตามินแทนอาหารเพราะวิตามินไม่ใช่ยา แต่เป็นสารสกัดจากสิ่งมีชีวิต (Organic) ที่จำเป็นสำหรับร่างกาย  มีหน้าที่ช่วยให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ถูกต้อง และช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ 
    ผมจะขอเล่าถึงวิตามินบางตัวที่มีความสำคัญต่อภูมิชีวิต (Immune System) เรา ซึ่งที่น่ารู้จักก็คือ วิตามินในกลุ่มแอนติออกซิแดนท์ ได้แก่ A, C, D และ E 



วิตามิน A
พบใน น้ำมันตับปลา ผักสีต่างๆ เช่น แครอท ผักโขม และหัวบีทรู้ท
ประโยชน์
- ช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน
- ช่วยให้กระดูก ผม ฟัน และเหงือกแข็งแรง
- สร้างความต้านทานให้แก่ระบบหายใจ
- ช่วยสร้างภูมิชีวิตให้ดีขึ้น และทำให้หายป่วยเร็วขึ้น
- ช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ลดอาการอักเสบของสิว ช่วยลบจุดด่างดำ และจุดวัยสูงอายุ

ปริมาณที่แนะนำ
- ผู้ชายควรกินอาหารที่มีวิตามิน A 1,000 R.E. หรือเท่ากับ 5,000 I.U. ต่อวัน
- ผู้หญิงควรกินอาหารให้ได้วิตามิน A 800 R.E. หรือ 4,000 I.U. ต่อวัน
- หากกำลังตั้งครรภ์ควรกินเพิ่มเป็น 1,000 R.E. หรือ 5,000 I.U. ต่อวัน
- สำหรับการกินวิตามิน A เป็นอาหารเสริมควรกินวันละ 10,000 I.U.



วิตามิน C
ประโยชน์- เป็นตัวสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นตัวเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน ทั้งยังเป็นตัวสร้างกระดูก ฟัน เหงือก และเส้นเลือด
- ช่วยแผลสดและแผลไฟไหม้หายเร็วขึ้น
- ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างเม็ดเลือดทางอ้อม
- ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ (MUTATION)
- ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคนอนหลับตาย (SIDS) ในกรณีเด็กอ่อน

ปริมาณที่แนะนำ
- ในรายที่ขาดวิตามิน C ควรกิน เสริม วันละ 1,000 mg 


วิตามิน D
พบมาก ในเนย นม เนยแข็ง และในแดด ดังนั้น เราจึงควรตากแดดวันละ 2-3 ชั่วโมง
ประโยชน์
- ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยในการย่อยอาหาร เพิ่มพลังงาน และช่วยรักษาสิว ทั้งนี้หากกินร่วมกับวิตามิน B6 ในขนาดสูงๆ จะช่วยรักษาข้ออักสบ 
ปริมาณที่แนะนำ
- ควรกินวิตามิน D เสริม วันละ 1,000 I.U


วิตามิน E 
ประโยชน์- หน้าที่สำคัญที่สุดของวิตามิน E เป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ คือทำให้เกิดการเผาผลาญ (OXIDATION) โดยมีตัวออกซิเจนเป็นตัวการสำคัญ ทำให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น เป็นตัวช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด ช่วยขยายเส้นเลือด ช่วยต้านการแข็งตัวของเลือด ช่วยลอความสามารถในการจับตัวเป็นลิ่มเลือด และลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมองและหัวใจ
- บำรุงตับซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมากมาย
- ช่วยให้ผิวหนังสดใส และช่วยสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกให้หายเร็วขึ้น
- ช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้น และไม่อ่อนเพลียง่าย

ปริมาณที่
- ควรกินวิตามิน E เสริม ขนาดเม็ดละ 400 I.U. วันละ 2 เม็ด เช้า-เย็น
- ไม่ควรกินในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจเกิดความดันโลหิตสูงได้ในบางราย วิธีแก้อาการดังกล่าวคือ ควรกินในปริมาณ 100 I.U. ก่อน แล้วจึงเพิ่มปริมาณเป็น 200 I.U. และ 400 I.U. ตามลำดับ
- หากกินเหล็กและวิตามิน E พร้อมกัน จะเกิดภาวะที่ร่างกายไม่สามารถดูดวึมวิตามิน E ได้ วิธีแก้คือ ควรแยกกินวิตามิน E ก่อนธาตุเหล็ก 8-12 ชั่วโมง



  นี่ก็แค่วิตามีนบางส่วนที่เอามาให้เพื่อนๆได้รู้จักกันน่ะครับ เพราะในชีวิตเรา วิตามีนพวกนี้มีอยู่ในสารอาหารที่ทุกคนรับประทานเข้าไปอาจจะมากหรือน้อย ยังไงก็ทานอาหารให้ครบ 2 หมู่น่ะครับ และอย่าลืมออกกลังกายด้วย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง